วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กะโหลกแก้ว

 กะโหลกแก้ว



ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า 
ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ 
และ เทคโนโลยีในอดีตไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบข้อมูลในนั้น
จะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อ ระหว่างคนอดีตสู่ คนยุคปัจจุบัน(ไปดูอินเดียน่าก็ได้มีเหมือนกัน)



ปริศนา กะโหลกแก้ว

ว่ากันว่ามีกะโหลกแก้วลึกลับ อันทรงพลังจากอารยธรรมมายา แห่งอดีตอยู่ 13 หัว
หากใครได้ครอบครองมันทั้งหมด อาจจะสามารถเป็นผู้ครองโลก ได้ด้วยอำนาจอันมหัศจรรย์!!! 

ตำนานว่าด้วยปริศนาแห่งกะโหลกแก้ว เป็นเรื่องที่เล่าลือกันมานานแล้ว 
และเมื่อพิพิธภัณฑ์มนุษยชาติ แห่งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษได้มาหัวหนึ่งใน ปีพ.ศ. 2441 
หรือเมื่อ 110 ปีก่อน ก็ยิ่งทำให้คำเล่าลือโด่งดังขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใครได้จ้องมอง
เข้าไปในดวงตาของกะโหลกแก้ว ก็มักอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงพลังอำนาจบางอย่าง 
พลังที่พนักงานของพิพิธภัณฑ์ ไม่ยอมเข้าไปในห้องที่จัดแสดงกะโหลกนี้ในยามค่ำคืน 
หากไม่เอาผ้าดำปิดดวงตากลวงคู่นั้นไว้เสียก่อน 

ไม่มีใครรู้แน่ว่ากะโหลกแก้วปริศนา ที่มีขนาดเท่าๆ กับกะโหลกคนจริงๆ นี้มาจากไหน
พิพิธภัณฑ์ซื้อมันมาจาก ร้านขายเครื่องเพชรทิฟฟานี่แห่งนิวยอร์ก ซึ่งไม่ได้ระบุถึงที่มาอันชัดเจน
แต่เป็นที่เข้าใจว่ากะโหลกแก้วนี้ น่าจะเป็นโบราณวัตถุจากอารยธรรมแอซเท็ค 
ซึ่งนายทหารบางคน ได้มันมาเมื่อครั้งไปร่วมรบที่เม็กซิโก ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 

ในขณะที่ปริศนาของกะโหลกแก้ว แห่งพิพิธภัณฑ์นี้ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ 
ก็มีการค้นพบกะโหลกแก้วอีกหัวหนึ่งใน พ.ศ. 2467 เมื่อแอนนา มิทเชลล์-เฮดจ์ส บุตรีบุญธรรม
ของเฟ็ดเดอริค อัล-เบิร์ท มิทเชลล์-เฮดจ์ส นักผจญภัยและนักสำรวจชื่อดังได้พบมันเข้าโดยบังเอิญ 

ตอนนั้นเฟ็ดเดอริคและทีมงาน กำลังสำรวจเมืองโบราณ ลูบานทูม ในบริติชฮอนดูรัส
แล้วจู่ๆ แอนนาก็พบกะโหลกแก้วเข้าในวันเกิดครบรอบปีที่ 17 ของเธอ ทำให้คนขี้สงสัยบางราย
อดค่อนแคะไม่ได้ว่าที่จริง คุณพ่อผู้แสนดีอาจจะพบมาก่อนแล้ว แต่อยากให้ของขวัญวันเกิด
ที่สุดเซอร์ไพรส์แก่ลูกสาว ก็เลยแอบเอาไปวางไว้ให้แอนนาได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบ 

แต่ไม่ว่าการพบครั้งแรกจะเป็นอย่างไรก็ตาม กะโหลกแก้วที่เรียกขานกันต่อมาว่า
กะโหลกของมิทเชลล์-เฮดจ์สนี้ ก็เป็นหนึ่งในกะโหลกแก้วที่โด่งดังที่สุดในโลก ด้วยความเชื่อที่ว่า
มันเป็นมรดกตกทอดมาจากอดีตอันไกลโพ้น จากอารยธรรมขั้นสูงที่สูญสลายไปแล้ว
และหากมองดวงตาแก้วปริซึมนี้ ให้ดีจะเห็นภาพของอนาคตปรากฏขึ้น 

กะโหลกของมิทเชลล์-เฮดจ์สนี้ทำจากแก้วบริสุทธิ์ ผ่านการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติ 
สันนิษฐานว่าผู้ที่สร้างขึ้นมา ต้องใช้เวลากว่า 150 ปี จากรุ่นสู่รุ่น กว่าจะเกิดเป็นกะโหลกปริศนา
ที่มีการประมาณการอายุกันคร่าวๆ ว่าน่าจะเก่าแก่กว่า 3,600 ปี เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 
ช่วยรักษาเยียวยาความเจ็บป่วย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นเครื่องมือ กำหนดความตายของผู้ที่
กระทำสิ่งไม่เหมาะสม ทำให้กะโหลกนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กะโหลกมรณะ 

ปริศนาจากชาวมายัน หรือกุญแจที่จะไขปริศนา ทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ
5 ใน 13 ชิ้น ที่ถูกค้นพบ ทั้งหมดถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า
แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย ที่บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
และเทคโนโลยีในอดีต ที่ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะถูกสร้างขึ้นมาเองได้
หากเป็นความจริงอันชวนตกตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้ว ที่ค้นพบข้อมูลในนั้น
จะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนจากอดีต สู่คนในยุคปัจจุบัน




เเหล่งอ้างอิง  http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=44550.0

พระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์

พระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์



คำ ตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงพระเจ้าโดยตรง 
คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้


Ark of the Covenant 

หรือหีบพันธะสัญญานั้นเองครับ ที่จริงยังไม่มีใครเจอมันหรอก แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับมันนั้นช่างน่าพิศวงเหลือเกิน

ลักษณะของหีบพันธะสัญญาคร่าวๆ ตามตำนาน เล่าว่า 

เป็นหีบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำด้วยไม้ชิดติม (Shittim) ยาว 2.5 คิวบิท กว้าง และสูงเท่ากัน คือ 1.5 คิวบิท
(เทียบหน่วยคิวบิทของอียิปต์ ซึ่ง 1 คิวบิทเท่ากับ 525 ซ.ม. หีบก็จะยาว 1.3 เมตร กว้างและสูง 76 ซ.ม. )
บุด้านนอกและด้านในด้วยแผ่นทองคำ โดยรอบหีบด้านบนยกเป็นขอบสูงขึ้นเล็กน้อย ที่มุมสี่ด้านมีห่วงทองคำสำหรับสอดไม้คาน
เพื่อแบกหามเวลาเดินทาง และไม้คานทำจากไม้ชนิดเดียวกันหุ้มด้วยแผ่นทอง(มีคำสั่งห้ามถอดไม้คานออกด้วย)
ส่วนฝาหีบ เรียกว่าMercy Seat หรือ “การุณอาสน์” มีขนาดรับกับตัวหีบ และบุแผ่นทองเช่นเดียวกัน ด้านบนมีเทวดาสององค์สยายปีก
หันหน้าเข้าหากัน ปีกทั้งสองโอบคล้ายซุ้มโค้งเหนือหีบ

มี เรื่องเล่ากันว่า หีบพันธะสัญญาเป็นหีบที่สร้างขึ้นตามพระบัญชาของพระเจ้า(??) เพื่อเป็นที่บรรจุแผ่นหินจารึกบัญญัติ 10ประการของพระองค์ ที่ประทานแก่ 
โมเสส ในระหว่างที่เขาพาพวกฮีบรูเร่ร่อนอยู่กลางทะเลทราย อันกันดาร โดยชนชาวฮีบรูจะแบกหีบแห่งพันธสัญญาตลอดการเดินทางในพระคัมภีร์ไบเบิล
เล่า ถึงความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิฤทธิ์ของหีบ ที่มีพลังมากมายมหาศาลถึงขั้นสามารถทำลายล้างผู้บังอาจเข้าไปแตะต้อง และถูกพระเพลิงเผาวอดตาย

แน่ นอนหลายคนที่ได้รู้เรื่องราวหีบพันธะสัญญานี้ได้บอกว่ามันน่าเหลือเชื่อและ หากเป็นเรื่องจริงละก็มันน่าจะเป็นวิทยาการอะไรสักอย่างที่ไม่มีในยุคนั้น 
ดัง นั้นจึงมีข้อสันนิฐานตามมาว่า หีบพันธะสัญญาน่าจะ ขวดแก้วไลเดน (Leyden Jar) ซึ่ง ปีเตอร์ แวน มุสเซนโบรค ได้คิดค้นขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1745 
(เป็น อุปกรณ์เก็บสะสมประจุไฟฟ้า แบบง่าย) ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวกับไฟฟ้าทั้งสิ้น สมัยก่อนนั้นมีการใช้ไฟฟ้าได้อย่างไรกัน?? 

และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครพบหีบพันธะสัญญาที่แท้จริง ทำให้ไม่สามารถรู้ว่าหีบพันธะสัญญาคืออุปกรณ์อะไรกันแน่


เเหล่งอ้างอิง  http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=44550.0

สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส

 สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส
บน โลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสในสก็อต แลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับ 
สัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 - 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ 
แล้วบางอย่างก็เป็นจริง 

มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคน 
ต่าง เชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง

เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่ง ล็อคเนส



  นับจาก ค.ศ.565 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกเรื่องเกี่ยวกับ “สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์” ในทะเลสาบล็อคเนส สกอตแลนด์ เป็นครั้งแรก 
จนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 1,443 ปีแล้ว ที่เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาไม่มีใครรู้แน่ว่า เจ้าสัตว์ที่ถูกขนานนามว่า “เนสซี” นี้มีตัวตนจริง หรือไม่ 
แม้จะมีรายงานว่า มี คนพบเห็นมากกว่า 4,000 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุป 

การ ไล่ล่าหาเนสซีมีมาอย่างต่อเนื่อง โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ในปีที่แล้ว ซึ่งเกิดการตามล่าสัตว์ ที่ว่ากันว่า น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์หลงยุคนี้กันยกใหญ่ 
เมื่อบริษัท วิลเลียม ฮิลล์ ผู้ประกอบการ รับพนันที่ถูกกฎหมายของอังกฤษได้ออกมาประกาศ ว่า 

หากใครสามารถ พิสูจน์ถึงการมีอยู่ของเนสซีตัวเป็นๆ แล้วล่ะก็ เอาไปเลย 1 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็น เงินไทยก็ 70 ล้านบาทเหนาะๆ

งานนี้ วิลเลียม ฮิลล์ตั้งความหวังว่าเงินรางวัลล่อใจนี้จะช่วยคลาย “ปมปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัย” แต่เอาเข้าจริงๆ แม้จะมีการตามล่ากันแบบโกลาหล 
ก็ยังไม่มีใครเข้า ใกล้รางวัลใหญ่ที่ว่ายกเว้นหนุ่มหน้ามลคนอังกฤษนามกอร์ดอน โฮล์มส์ พนักงานห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์จากยอร์กเชียร์ 
ที่สามารถถ่ายวีดิโอภาพที่ว่ากันว่า เป็นภาพเนสซีที่ชัดที่สุดในประวัติศาสตร์ สร้างความฮือฮา อย่างน่าตื่นเต้น

http://www.youtube.com/watch?v=HtPlz14qFOA   

กระทา ชายนายโฮล์มส์ที่ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับนักสืบนามกระเดื่องในนิยายชุด เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ให้การว่า ตอนที่กำลังนั่งเอ้เต้ชมวิวทิวทัศน์อยู่เหนือทะเลสาบล็อคเนส
ในวันที่ 28 พฤษภาคมปีที่แล้ว จู่ๆ ก็เห็น “อะไรบางอย่าง” กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนผิวน้ำ

เห็นอย่างนั้นพี่แกก็ไวทายาด รีบกระโจนไปคว้า กล้องวีดิโอมาถ่ายภาพได้นาน 2 นาทีครึ่ง 

เป็น 2 นาทีครึ่ง ที่ทำเอาวงการสัตว์ประหลาดของโลกต้องหวั่นไหว เพราะเป็นภาพที่เห็น ได้ชัดเจนถึงการเคลื่อนที่ของสัตว์ชนิดหนึ่ง สีดำขนาดใหญ่ คาดว่ายาวราวๆ 15 เมตร 
แหวกน้ำด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนผืนน้ำล็อคเนสอย่างชัดเจน และบางส่วนของภาพมองเห็นครีบด้วย

เอเดรียน ไชน์ นักชีววิทยาสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลุ่มหลงที่ติดตามเรื่องราวของเนสซีบอกว่า ภาพวีดิโอฝีมือของโฮล์มส์นั้น เป็นภาพที่ยากจะทำปลอมขึ้น 
เพราะ ไม่ได้ถ่ายเฉพาะ ตัวสัตว์ ประหลาดเท่านั้น แต่ยังถ่ายเลยไปถึงฉากหลังที่เป็นภูเขารอบทะเลสาบด้วย ทำให้สามารถ เปรียบเทียบขนาดและความเร็วของสิ่งที่เห็นได้ถนัดชัดเจน

ส่วน ตัวนายโฮล์มส์เองที่ยังตื่นเต้นไม่หายก็บอกว่า ทีแรกก็นึกอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นคลื่น หรือเปล่า แต่เมื่อมองแล้วก็เห็นการเคลื่อนไหว ที่ไปคนละทิศกับระลอกคลื่น 
แถมยังเห็นหลัง สีดำชัดเจน และตอนที่เห็นก็นึกว่าสัตว์ประหลาดนี้น่าจะยาวสัก 4-6 ฟุต แต่พอมามองอีกทีก็ น่าจะใหญ่กว่านั้นมาก

งาน นี้สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษนำภาพเคลื่อนไหวของโฮล์มส์ไปออกอากาศ และได้รับเสียง ครางฮือจากผู้ชมว่าชัดเจนแจ่มแจ๋ว แต่ถึงกระนั้น นักวิชาการบางคนก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อ อะไรง่ายๆ 
เพราะฉะนั้นภาพที่ถ่ายได้ก็จะถูกนำไปวิเคราะห์อีกหลายยก เพื่อให้แน่ใจ ว่าไม่ใช่นาก หรือแมวน้ำมาล้อเล่นกับกล้อง

อย่าง ไรก็ตาม หากจะถามว่าเนสซีมีตัวตนจริงหรือไม่ ก็ไม่มีใครตอบได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง และในทางกลับกัน ถ้าจะบอกว่าไม่มีจริง ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะมีคนเห็นเยอะเหลือเกิน
แต่ถ้าจะกล่าวถึงความชัดเจนที่สุดจากทางการ ต้องฟันธงลงไปว่า เนสซีมีตัวจริงแหง


รัฐบาล แห่งสหราชอาณาจักรเพิ่งจะเปิดเผยเอกสารที่เคยเป็นเอกสารลับเกี่ยวกับเนสซีไป เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2549 หรือเมื่อ 2 ปีก่อนนี้เองว่า รัฐบาลยอมรับในการมีอยู่ของเนสซี!!
การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งข้อความในเอกสารที่ (เคย) ลับมากนี้ระบุว่า 

รัฐบาล อังกฤษภายใต้การนำของนางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ เชื่อเรื่องการมีอยู่ของสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนส และเชื่อไม่เชื่อเปล่า ยังพยายาม หาทางปกป้องมันอีกต่างหาก
เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เกิดกังวลว่า การที่มี ผู้พยายาม ค้นหา ตามล่าแทบทุกตารางนิ้วของทะเลสาบ อาจจะทำให้เจ้าสัตว์ หลงยุคนี้ได้รับอันตราย รัฐบาลจึงได้ทุ่มเททั้งเงิน
และ เวลาในการวิจัยเพื่อหาทางปกป้องเนสซี สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่า ไม่ต้องไปทำอะไรมันหรอก เพราะสัตว์ประหลาดนี้ถูกคุ้มครองอยู่แล้ว ตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าและชนบท ค.ศ.1981
ซึ่งคุ้มครองทั้งสัตว์ที่รู้จักและไม่รู้จัก อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปออกกฎหมายใหม่ให้เมื่อย


เเหล่งอ้างอิง http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=44550.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น